โอโตยัง
รีวิว โอโตยัง หนุ่มข้าวปั้นพันธุ์นักสู้ สนพ Zenshu ออกถึง 12 เล่ม (ญี่ปุ่น 20 เล่ม ยังไม่จบ แต่ไม่ออกเล่มใหม่นานแล้ว)
การ์ตูนร้านซูชิเรื่องนี้ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในไทยซักเท่าไหร่ แม้จะออกมานานแล้ว คงเป็นเพราะเนื้อเรื่องในเล่ม 1-4 ยังไม่ค่อยเข้มข้น เรื่อยเปื่อยเกินไป ไม่เน้นฉากทำซูชิหรือฉากรับประทาน ทำให้คนอ่านเลิกสนใจกันซะก่อน
แต่ถ้าใครอดทนผ่านเล่มแรกๆไปได้ (หรือข้ามมาอ่านเล่ม 5 เลย) ก็จะพบว่า เรื่องนี้เป็นการ์ตูนทำอาหารที่สนุกและดูอร่อยพอๆกับเรื่องดังๆเรื่องอื่นเลยครับ มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างแทรกมาให้อ่านเป็นระยะๆ เนื้อหาก็ดูสมจริง ไม่มีซูชิที่รสชาติเหนือปาฎิหาริย์อะไรเลย
เนื้อหาย่อคือ ชายหนุ่มชื่อ โอโตยัง ได้ย้ายจากโอซาก้าเข้ามาทำงานในร้านซูชิที่โตเกียว เพื่อจะลืมคนรักเก่า แม้ว่านิสัยจะดูเหมือนหนุ่มลูกทุ่งเพี้ยนๆ แต่ฝีมือการทำซูชิของเขาจัดว่าสูงมาก ชีวิตใหม่บทใหม่ของเขากำลังจะเริ่มขึ้น ทว่าขณะเดียวกัน ความวุ่นวายทั้งจากลูกค้า จากร้านซูชิร้านอื่น และองค์กรลึกลับที่มีแผนชั่วร้าย ก็กำลังรอเขาอยู่เช่นกัน
ในเล่มแรกๆ ส่วนมากเนื้อหาจะจบในตอน เกี่ยวกับชิวิตของคนในร้านซูชิกับบรรดาลูกค้าต่างๆ ที่มีความต้องการต่างกัน ทำให้พระเอกและคนในร้านต้องหาทางตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าเหล่านั้นให้ได้ เนื้อหาในช่วงนี้จะค่อนข้างเรื่อยเปื่อยตามประสาการ์ตูนจบในตอน ฉากทำอาหารหรือฉากกินจึงไม่ได้ถูกเน้นนัก คนที่เคยชินกับการ์ตูนทำอาหารเนื้อหาเข้มข้น เต็มไปด้วยภาพชวนหิว อย่าง จอมโหดกระทะเหล็ก ไอ้หนูซูชิ จะรู้สึกว่าไม่ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ และจะถอดใจกันไปซะก่อน
แต่พอเล่ม5 เป็นต้นไป เรื่องเรื่องจะเข้มข้นขึ้น พระเอกจะถูกคนจากร้านอื่นมาหาเรื่องบ่อยๆและจบที่การประลองทำซูชิ ฉากทำอาหารและฉากกินจะถูกเน้นมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ลากยาวเป็นการแข่งขันทัวร์นาเม้นแบบที่หลายเรื่องชอบทำ เวลาอ่านเลยรู้สึกเหมือนเป็นการประลองแนวนักสู้ข้างถนนที่เกิดขึ้นแล้วจบไป ไม่ใช่การประลองที่ยืดจนกลายเป็นพล็อตใหญ่
และสิ่งที่ผมชอบอีกก็คือ ฉากทำอาหารในโอโตยัง ไม่มีการอ้อมค้อมแทรกดราม่าเหมือนการ์ตูนทำซูชิเรื่องอื่น ไม่มีฉากย้อนความหลัง ไม่ค่อยเสนอว่าตัวละครกำลังคิดอะไรอยู่
แต่จะเน้นไปที่ฉากของการทำซูชิ ฉากรับประทานอาหารแทน รวมถึงเกร็ดความรู้ที่แทรกเข้ามาในตอนนั้น พอทำอาหารเสร็จ กรรมการก็จะชิมทันที ไม่มีการดึงเรื่องให้ช้าเสียจังหวะ การดำเนินเรื่องเลยดูกระชับ และรู้สึกว่ามันเป็นการแข่งขันที่สมจริง
มีฉากตามหาวัตถุดิบบ้าง แต่ก็เป็นเพียงฉากสั้นๆ และชนวนเหตุที่ชักนำให้เกิดการประลองขึ้นก็ไม่อ้อมค้อมหรือซับซ้อน พูดง่ายๆว่า เรื่องนี้ตัดเข้าฉากทำอาหารเร็วกว่าไอ้หนูซูชิครับ เพราะเนื้อหาไม่มีฉากดราม่าหรือฉากความสัมพันธ์ของตัวละครเข้ามาแทรกมากนัก
นอกจากนี้ คู่ต่อสู้ต่างๆของพระเอก ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ส่วนมากจะได้แข่งกับพระเอก เพราะการ 'ทะเลาะ' กันเฉยๆมากกว่า พอจบการประลองก็ต่างคนต่างไป ไม่มีการเคียดแค้นพยาบาทกัน
แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีตัวละครฝ่ายร้ายที่ดูหวือหวา เพราะในพล็อตมีการกล่าวถึงองค์กรที่เรียกว่าสำนักอิตเทชินริวเป็นพักๆ ซึ่งมีชายสูงวัยใส่หน้ากากดูน่ากลัวเป็นหัวหน้า เป้าหมายขององค์กรนี้คือการกำจัดร้านซูชิที่ไม่อยู่ในเครือข่ายของตัวเองให้หมดสิ้นไป
แม้จะดูเป็นองค์กรชั่วร้ายธรรมดาๆเหมือนเรื่องอื่น แต่เนื่องจากในเรื่องนี้ มีบรรยากาศที่ดูสมจริงมาตลอด เลยน่าสนใจว่าเจ้าของเรื่องจะเอาความจริงจังที่อยู่ในเรื่องมาผสมกับตัวร้ายที่ดูเหมือนหลุดจากการ์ตูนแอ๊คชั่นยังไงเหมือนกัน
ฉากในเรื่องโอโตยังจะให้ความรู้สึกของปีในช่วง 1980-1990 กลางๆ แฟชั่นการแต่งตัวและทรงผมของผู้คนจะเหมือนกับในมิวสิควิดิโอช่วงที่เบิร์ด ธงชัย กับ ตู่นันทิดา กำลังดังๆ และเพราะเป็นการ์ตูนที่นำเสนอเรื่องราวในยุคนั้น บุคลิกของตัวละครหลายตัวจึงดู ซื่อๆง่ายๆ มีน้ำใจ หรือ ฝ่ายที่เกเรหน่อยก็จะดูห่ามๆแบบนักเลงลูกทุ่ง ได้อารมณ์ตัวละครในหนังยุคเก่าดี
ทางด้านจำนวนตัวหนังสือและจำนวนช่องของภาพ ต่อหนึ่งหน้ากระดาษ ทำได้ออกมาพอดีๆเลยครับ อ่านได้ไหลลื่นกว่าไอ้หนูซูชิ แต่ก็ไม่ถึงขนาดจอมโหดกระทะเหล็กที่หน้านึงมีแค่ช่องสองช่อง แป๊ปเดียวก็อ่านจบ
ข้อดี
- ฉากทำอาหาร ฉากชิมอาหาร ทำได้น่ากินตั้งแต่เล่ม 5 ขึ้นไป (ใครไม่เคยอ่าน ลองข้ามมาเล่ม 5 เลยก็ได้ เพราะเล่มแรกๆเนื้อเรื่องก็ไม่ได้เดินอะไรนัก)
- ฉากและตัวละครให้ความรู้สึกของยุค 80-90 ซึ่งแฟชั่นและนิสัยใจคอ ต่างกับคนในสมัยนี้มากมาย ได้อารมณ์ไปอีกแบบดี
- ไม่เน้นฉากซึ้ง ตัวละครมีความหลังเศร้า หรือเล่าความหลังเยอะๆแบบไอ้หนูซูชิ หรือ ไอ้หนุ่มซูชิของบูรพัฒน์
- มีฉากเกี่ยวกับอาหารบ่อยกว่าไอ้หนูซูชิ (หรืออาจจะมีเท่ากัน แต่เรื่องนี้ไม่เวิ่นเว้อ ก็เลยรู้สึกว่าเนื้อหาเดินมาถึงฉากเกี่ยวกับอาหารเร็วกว่าก็ได้)
- กระดาษดี
- แปลบุคลิกของพระเอกให้ดูลูกทุ่งได้ดีมาก เวลาเห็นพระเอกพูดแล้วลงท้ายว่า 'จ้า' ดูเข้ากันดี
- ตัวละครอื่นๆก็แปลคำพูดเหมือนคนยุคก่อนพูดคุยกัน เหมาะกับบรรยากาศในเรื่อง
- พล็อตเรื่อง หรือความขัดแย้ง ที่เป็นชนวนให้พระเอกได้ประลองฝีมือกับคนอื่น อ่านแล้วได้อารมณ์ร่วมอยากเห็นการแข่งขันระหว่างทั้งสองฝ่าย (เพราะถ้าฝ่ายตรงข้ามมันดูไม่น่าต่อสู้ด้วย คนอ่านคงไม่อยากอ่านต่อหรอกเนาะ)
- แทรกสาระน่ารู้หลายอย่างเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องของซูชิ แม้ว่าจะไม่ใช่ความรู้ที่เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายๆแบบ ไอ้หนุ่มราเม็งเปิปพิสดาร ก็ตาม สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี
ข้อเสีย
- ออกเล่มใหม่ช้ามาก แต่ Zenshu บอกว่าไม่ลอยแพแน่ (ปี2016)
- เล่ม 1-4 อาจจะมีคนไม่ชอบอยู่บ้าง เพราะมันเรื่อยเปื่อยเกิน
- สถานะของเล่ม 21 ในญี่ปุ่น จะหยุดแค่เล่ม 20 เลยมั้ยเพราะเล่มใหม่ไม่ออกที่ญี่ปุ่นนานแล้ว (แต่ผมไม่ซีเรียสเรื่องนี้ มีให้อ่านแค่ไหน ก็สนุกเท่าที่หาอ่านได้ก็พอแล้ว)
8.5/10 ครับ อ่านง่าย ตัวละครมีบุคลิกแตกต่างจากการ์ตูนยุคนี้ ภาพอาหารดูแล้วกระตุ้นความหิวดี
Subscribe to:
Posts (Atom)