Saturday, May 28, 2016

กั๊ช!! (กัชเบล)


รีวิว: กั๊ช!! (กัชเบล Konjiki no Gash Bell!! ) สนพ SIC   33เล่มจบ

เรื่องนี้เป็นการ์ตูนแนวต่อสู้ ที่มีกลิ่นอายของโปเกมอนหรือเกมRPG หน่อยๆ คือตัวละครฝ่ายพระเอกจะเรียนรู้มนต์ใหม่ๆที่ละอย่างสองอย่าง ไม่ใช่ว่าจู่ๆก็คิดค้นพลังแบบใหม่มาใช้เองได้เลยทุกเวลา แต่จะมีการเกริ่นให้คนอ่านรู้ก่อนว่าพลังนี้เพิ่มมาตอนไหน เวลาอ่านจึงมีบรรยากาศเหมือนเราเล่นเกมที่ตัวละครของเราจะสะสมท่าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การต่อสู้ในเรื่องกั๊ช!!ไม่ซับซ้อนมาก เวลาจะใช้พลังแต่ละทีจะไม่มีเงื่อนไขมากมายในการใช้ เหมือนการ์ตูนสมัยใหม่หลายเรื่อง(เช่น จะยิงลูกไฟออกมาที ต้องให้ศัตรูยืนทำมุม 85 องศากับเราก่อน อะไรแบบนี้) เรื่องนี้เน้นการยิงแลกใส่กัน แล้วคอยหลบเอา หรือไม่ก็ใช้เลห์เหลี่ยมหลอกศัตรูนิดหน่อยก่อนจะยิงใส่ซะมากกว่า
แรกๆการต่อสู้จะรุนแรงประมาณพังกำแพง โค่นต้นไม้ได้ แต่พอช่วงหลังๆของเรื่องสเกลพลังอาจจะขึ้นไปสูงเวอร์จนทำลายเกาะหรือภูเขาได้ ตอนแรกผมก็ไม่ชอบเรื่องที่ปล่อยพลังรุนแรงเว่อร์ๆแบบนี้เหมือนกัน แต่พอปล่อยวางจิตใจได้ ผมก็พบว่าตัวเองรู้สึกสนุกไปกับฉากแอ๊คชั่นแบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบนี้ได้เหมือนกันครับ

แม้ลายเส้นกั๊ช!! จะไม่ค่อยสวยแต่สื่อถึงความรุนแรงระหว่างต่อสู้ได้ดีมาก และนอกจากฉากต่อสู้ที่มันส์หยดแล้ว ฉากดราม่าก็ทำได้ซึ้งด้วย ฉากตลกที่มาแทรกเป็นระยะๆก็ดูเพี้ยนดี
การออกแบบตัวละครเด็กปิศาจหลายตัวทำได้ดูเท่มาก มีตัวที่เห็นแล้วทำให้อยากดูฉากต่อสู้ของตัวละครตัวนี้อยู่หลายตัว
แต่ที่น่าชมคือ ตัวละครในเรื่องนี้ทุกคนมีบุคลิกโดดเด่นมาก หลายคนยังมีภูมิหลังที่เรียกน้ำตาคนอ่านอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายร้าย
หลายครั้งจากที่เกลียดๆตัวละครตัวนี้อยู่แบบสุดๆ ก็มารู้สึกสงสารแทนเมื่อได้รู้ความจริงว่าทำไมเขาหรือเธอถึงทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้

เนื้อหาคร่าวๆก็คือ ทุก 1000ปี โลกปิศาจจะส่งเด็กปิศาจหนึ่งร้อยคนมาบนโลกพร้อมกับหนังสือเวทย์มนต์ เพื่อให้พวกเขาต่อสู้กันในศึกราชาโลกปิศาจ ซึ่งผู้ชนะจะได้กลายเป็นราชาของโลกปิศาจต่อไป
โดยเด็กปิศาจทุกคนจะต้องมีคู่หู่เป็นมนุษย์ด้วย เพราะมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะใช้พลังที่แท้จริงของเด็กปิศาจพวกนี้ผ่านหนังสือเวทย์มนต์ได้
และกั๊ช ก็ได้จับคู่กับคิโยมาโระ เพื่อเข้าต่อสู้ในศึกนี้ เพื่อจะเป็นราชาที่ทำให้ทุกคนมีความสุข ระหว่างนั้นเขาก็ได้เพื่อนใหม่มากหน้าหลายตา และเรียนรู้มนต์ใหม่ๆเอาไว้ต่อสู้กับเด็กปิศาจคนอื่นที่มีความประสงค์จะเป็นราชาในรูปแบบที่แตกต่างจากเขา

จำนวนตัวหนังสือ กับจำนวนช่องในแต่ละหน้า เรื่องนี้อยู่ประมาณกลางๆ บางช่วงตัวหนังสือเยอะเหมือนกัน แต่ก็มีช่วงแบบที่ว่าไม่บ่อยนัก

ข้อดี

- ฉากต่อสู้สนุกและรุนแรงมาก
- มีฉากตลกเพี้ยนๆปนทะลึ่งแทรกในบางโอกาส
- การใช้พลัง ไม่ค่อยมีเงื่อนไขซับซ้อนแบบการ์ตูนยุคใหม่หลายๆเรื่อง
- ลายเส้นสื่อถึงความรุนแรงตอนต่อสู้ได้สะใจ
- ฉากดราม่า ทำได้ดีสุดๆ  แม้จะไม่ซับซ้อนแบบฉากดราม่าในวันพีซ หรือกินทามะ(แต่ผมชอบอะไรที่อ่านแล้วเข้าถึงง่ายๆแบบมากกว่า) ภูมิหลังของตัวละครหลายตัวไม่ว่าฝ่ายดีฝ่ายร้าย สอนให้คนอ่านรู้ว่า คนเราต่างคนต่างก็มีเรื่องลำบากยากเข็ญของตัวเองที่ต้องเจอ

- ฉากเกี่ยวกับชีวิตของตัวละครต่างๆอ่านแล้วเพลินดี
- การจับคู่ต่อสู้ หลายครั้งคาดเดาได้ยากว่าใครจะได้สู้กับใคร
- การออกแบบเด็กปิศาจหลายตัวดูเท่มีเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้จากเรื่องอื่น และน่าต่อสู้ด้วย


ข้อเสีย
- ลายเส้นไม่สวยนิดนึง แต่ทดแทนด้วยการสื่อถึงอารมณ์ต่างๆ ที่ทำได้ดีมาก
- การต่อสู้บางคู่ก็สนุก บางคู่ก็ไม่
- กระดาษไม่ค่อยดี เป็นกระดาษของ SIC ยุคเก่า  ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พิมพ์เป็นกระดาษดีๆแบบเรื่องอื่นรึเปล่า
- มีช่วงที่สนุกประมาณ 80%  อีก 20% ไม่ค่อยสนุกสำหรับผม

9/10  แม้จะมีข้อติอยู่บ้าง แต่ถูกความเจิดจ้าของข้อดีกลบมิดเลยครับ

ทำไมโทโดอินเซยะ



รีวิว: ทำไมโทโดอิน เซยะ อายุ 16 รูปหล่อ พ่อรวย แต่ดวงซวยหาแฟนไม่ได้?
Naze Toudouin Seiya 16-sai wa Kanojo ga Dekinai no ka?

เรื่องนี้ความยาว 8 เล่มจบ ในไทยออกมาครบแล้ว
จัดว่าเป็นการ์ตูนรักใคร่ๆไม่กี่เรื่องของ Luckpim ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านทั่วไปได้ครับ เพราะปรกติแล้วการ์ตูนของค่ายนี้จะเล็งผู้อ่านเฉพาะกลุ่มมากกว่า ซึ่งคือแนวที่เน้นตัวละครสาวน้อยเป็นหลัก มีลายเส้นที่เห็นปั๊ปก็รู้เลยว่ามาจากค่ายนี้แน่ๆ

ถึงผมจะไม่ใช่ผู้อ่านที่เน้นอ่านการ์ตูนแนวสาวน้อยหรือฮาเร็ม แต่แน่นอนว่า ผมก็ชอบการ์ตูนที่มีตัวละครสาวๆ (ไม่งั้นคงไม่เขียนรีวิวเรื่องนี้หรอก) เพียงแต่การ์ตูนที่ผมอ่าน เนื้อหามันต้องอยู่ในขอบเขตของตลาดการ์ตูนปรกติหน่อย และความสนุกต้องมาก่อนด้วย ผมเลยมีตัวเลือกไม่มากนัก


ทำไมโทโดอิน เซยะฯ เป็นการ์ตูนที่อยู่ตรงกลางระหว่างการ์ตูนที่เต็มไปด้วยตัวละครสาวๆน่ารัก กับโลกแห่งความจริงที่สนุกเรื่องหนึ่ง และต่างกับการ์ตูนหลายเรื่อง ที่มักจะสร้างพระเอกที่ไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆ แต่ดันมีผู้หญิงมากมายมาชอบ  เพราะพระเอกเรื่องนี้ พยายามทุกอย่างเพื่อหาคนที่จะรักตัวเองให้ได้ซักคน

ในเรื่องเต็มไปด้วยสาวๆมากหน้าหลายตาที่พระเอกจะได้เจอ แต่ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็ไม่ได้โอนอ่อนตามความต้องการของคนดูด้วยการให้พวกเธอมารุมรักตัวเอกแบบที่การ์ตูนหลายเรื่องทำกัน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับสาวๆในเรื่อง ถูกสร้างให้เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองเพศในชีวิตจริงซะมากกว่า คือ การที่ใครจะรักใครซักคน มันจะมีปัจจัยหลายๆอย่างมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่า นิสัย บุคลิก หน้าตา ความเข้ากัน ฐานะ หรือปัจจัยอื่นๆ
ดังนั้นแม้พระเอกจะหล่อรวยนิสัยดี แต่เขาก็ต้องอกหักหลายครั้ง เพราะเขาขาดปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งข้างบนที่จะได้ครบครองหัวใจของสาวๆไป หรือบางครั้งก็เพราะสาวๆแค่อยากเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาเท่านั้นเอง

ด้านการออกแบบตัวละครสาวๆในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะหน้าตา นิสัย บุคลิก การแต่งกาย รสนิยม จะเหมือนเด็กสาวๆในโลกแห่งความจริง มากกว่าสาวๆที่อยู่ในการ์ตูน
ระหว่างอ่านเราอาจรู้สึกว่าพวกเธอนิสัยเหมือนกับผู้หญิงที่เรารู้จักหน่อยๆ หรือในสมองอาจแว้บขึ้นมาว่าเราเคยเจอผู้หญิงท่าทางคล้ายๆแบบนี้ในชีวิตจริงมาแล้วก็ได้
การแต่งกายของสาวๆในเรื่อง ก็ดูเหมือนเสื้อผ้าที่ผู้หญิงจะเลือกใส่จริงๆและทันสมัย ดูแล้วไม่รู้สึกว่าชุดนี้ถูกออกแบบจากจินตนาการของนักวาดผู้ชายเอาเองเลย (ก็คนวาดเป็นผู้หญิงนี่เนาะ)
ตัวละครชายถ้าไม่นับพระเอก ก็ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ไม่อยากอ่านการ์ตูนแนวรักๆใคร่ๆ ที่มีตัวละครชายตัวอื่นโผล่มาให้ขมลิ้นเล่น

ความสนุกของเรื่องนี้จึงมาจากพล็อตแนวความรักที่พระเอกพยายามจะหาแฟนให้ได้ กับตัวละครหญิงที่ดูสมจริง และฉากตลกเมื่อพระเอกทำอะไรเปิ่นๆจนเสียหน้า (โดยเฉพาะเล่ม7 ที่ฮามาก ทั้งที่ใกล้จะจบแล้ว) มีดราม่าบ้างแต่ก็อยู่ในระดับเบา ยกเว้นเล่มสุดท้ายที่เนื้อเรื่องจะหนักหน่อย

เรื่องนี้ดำเนินไปจากมุมมองของพระเอกที่ชื่อว่า เซยะ คนอ่านจะเห็นว่าเขาตกหลุมรักใครบ้าง เขาปฏิบัติกับผู้หญิงที่ชอบยังไง เขาทึกทักเอาว่าอีกฝ่ายคิดแบบไหนกับเขาอยู่ จากนั้นคนอ่านและเซยะ ก็จะร่วมกันเดินทางไปด้วยกันจนถึงบทสรุปว่า ตกลงแล้วสาวน้อยคนนั้นคิดยังไงกับเขาบ้าง
เราจะไม่มีทางรู้ความนึกคิดจากตัวละครอื่นเลย สิ่งที่คนอ่านจะรู้ได้ก็คือท่าทางของฝ่ายหญิงตามที่เซยะเห็นเท่านั้น เราจึงรู้สึกผูกพันธ์กับพระเอกเพราะได้เห็นสิ่งต่างๆผ่านมุมมองเดียวกัน
นอกจากนี้เซยะก็มีข้อบกพร่องที่ดูน่าสงสารหลายอย่าง เลยทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาโดยไม่มีปัจจัยให้รู้สึกหมั่นใส้มาก

เนื้อเรื่องแบ่งเป็นบทๆ ว่าพระเอกจะไปตกหลุมรักสาวคนไหน และแต่ละช่วงก็ทำได้สนุกทั้งหมด ทั้งที่การ์ตูนที่แบ่งเป็นบทแบบนี้ ส่วนมากจะมีตอนที่ไม่สนุกปนมาบ้าง แต่สำหรับเรื่องนี้ผมว่าทำได้ดีเกือบหมดเลย (ยกเว้นเล่มสุดท้าย เพราะมันดราม่าไปนิด)

ปริมาณตัวหนังสือต่อหนึ่งหน้า และการแบ่งช่องต่อหนึ่งหน้า ทำได้เป๊ะมาก เวลาอ่านเรื่องนี้จึงอ่านแล้วลื่นไหลสุดๆ

ข้อดี
- เนื้อเรื่องไม่หนักไม่เบา กำลังดี และน่าติดตามทุกบท
- มีสาวๆมากหน้าหลายตา
- สาวๆในเรื่อง ถูกออกแบบให้ดูค่อนข้างสมจริง  แต่ก็ยังมีเสน่ห์แบบสาวๆในโลกการ์ตูนปนอยู่บ้าง
- ฉากตลก ฉากเสียหน้าของพระเอก ทำได้ทั้งตลกและน่าเห็นใจ
- พระเอกไม่น่าหมั่นไส้ ไม่ใช่แนว 'ฉันไม่อยากได้แฟนนะ' แล้วมีผู้หญิงมามะรุมมะตุ้มรุมรัก หรือเป็นคนสมบูรณ์แบบจนคนอ่านไม่มีอารมณ์ร่วม
- กระดาษดี

ข้อเสีย
- เล่มสุดท้าย ดราม่าไปนิด
- ไม่มีฉากเซอร์วิส (แต่ก็ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนี้เลย)

8/10 ครับ  เป็นเรื่องที่หยิบมาอ่านได้หลายรอบเลยแหละ

Monday, May 9, 2016

Pumpkin Scissors


รีวิว หน่วยพิทักษ์ธรณิน Pumpkin Scissors(สนพ. วิบูลกิจย์ ออกถึงเล่ม 17 ญี่ปุ่น 20)


เรื่องนี้ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นการ์ตูนเกี่ยวกับหน่วยงานหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นตอนๆไม่มีอะไรซับซ้อนซะอีก
แต่พออ่านไปหลายเล่มก็เลยได้รู้ว่า เป็นการ์ตูนที่เนื้อหาลึกมาก โลกและตัวละครในเรื่องเต็มไปด้วยรายละเอียด  ฉากต่อสู้ก็รุนแรงสะใจ แขนขาดขาขาด คนตายเกลื่อน และมีการคอยแทรกความรู้ในแง่มุมต่างๆเป็นระยะๆ
แต่ต้องเตือนไว้ก่อนว่าพอเล่ม 10 ขึ้นไป ฉากแอ๊คชั่นจะลดน้อยลง จนแทบไม่มีเลย เพราะคนวาดไปเน้นด้านเนื้อเรื่องอย่างเดียวแทน และในเรื่องก็ไม่มีพวกเวทย์มนต์ หรือพลังพิเศษด้วย

ก่อนเล่ม10 จะมีสัดส่วนราวๆ เนื้่อเรื่อง 70%  ฉากต่อสู้ 30%
พอเล่ม 10 กลายเป็น เนื้อเรื่องล้วนๆ 95% จนกระทั่งผ่านไป 4-5 เล่ม ฉากต่อสู้ถึงจะเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง แต่พอถึงตอนนี้ เนื้อเรื่องก็จะไม่อ่านง่ายเหมือนเล่มแรกๆแล้ว เวลาอ่านเลยไม่ค่อยไหลลื่นเท่าเดิม

Pumpkin Scissors  เกิดขึ้นในโลกหลังสงคราม  (ที่มีระดับเทคโนโลยีประมาณสงครามโลกครั้งที่1)
เนื้อเรื่องกล่าวถึงสงครามระหว่าง 2 ประเทศใหญ่ที่พึ่งจบไปทำให้ประชาชนต้องอยู่อย่างแร้นแค้น ไร้อาหาร ไม่มีงานทำ และข้าราชการบางกลุ่มก็ถือโอกาสที่รัฐมีงานล้นมือ เข้ามาปกครองกดขี่ประชาชน หรือมามอมเมาด้วยยาเสพติด
แม้ปัญหาในโลกหลังสงครามจะมีมากมาย แต่ทางรัฐก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เป็นเพราะงานล้นมือ หรือไม่ก็แกล้งเป็นมองไม่เห็น กระนั้นก็มีการตั้งหน่วยเล็กๆหน่วยนึง ให้มาแก้ปัญหาและบรรเทาปัญหาที่กล่าวมา ซึ่งก็คือหน่วย พัมพ์คิน ซิสเซอร์ นั่นเอง

แต่เรื่องนี้จะไม่มีอะไรเลย ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเกี่ยวกับหน่วยพัมพ์คิน ซิสเซอร์ มาแก้ไขความทุกข์ร้อนของคนในยุคหลังสงครามอย่างเดียว
เพราะทุกอย่างเริ่มซับซ้อนขึ้น ตั้งแต่ที่หน่วยนี้รับพระเอกเข้ามาอยู่ด้วย เนื่องจากเขาเกี่ยวพันกับโครงการมนุษย์ทดลองลับที่รัฐบาลสร้างไว้ตั้งแต่ช่วงที่สองประเทศยังรบกัน
ทำให้คนในหน่วยที่ถือพระเอกเป็นเพื่อน พยายามเสาะสืบให้ได้ว่ารัฐบาลได้ทดลองทำอะไรกับร่างกายของชายคนนี้บ้าง เพราะแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเขาถูกทำอะไรไปเหมือนกัน แต่ยิ่งพวกเขาสืบเรื่องเกี่ยวกับพระเอกมากเท่าไหร่ หน่วยพัมพ์คิน ซิสเซอร์ ก็พบเรื่องลับๆที่รัฐบาลหมดเม็ดไว้มากขึ้นเท่านั้น

แม้ว่าเรื่องราวในอดีตที่กำลังถูกขุดคุ้ยจะเต็มไปด้วยอันตราย ความร้ายกาจอีกเรื่องก็กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันเช่นกัน องค์กรลึกลับแห่งหนึ่ง กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน เพื่อทำบางอย่างกับประเทศที่ยังไม่ฟื้นจากพิษสงครามนี้

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือภาพรวมคร่าวๆของ Pumpkin Scissors ครับ เนื้อหาของเรื่องนี้ทั้งลึกและละเอียด เป็นการ์ตูนที่ตอนแรกดูเหมือนจะบู๊ แต่จริงๆเน้นการดำเนินเรื่องมากกว่า แบบพวก Full metal Alchemist หรือ Evangelion อะไรแบบนี้

นอกจากเนื้อเรื่องที่จริงจังและน่าติดตามแล้ว ข้อมูลที่แทรกเข้ามาในเรื่องก็น่าสนใจเหมือนกัน ส่วนมากจะเป็นข้อมูลกว้างๆเกี่ยวกับ การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภาพรวมของวงการเทคโนโลยี ผลกระทบของสิทธิบัตร
พูดง่ายๆว่า  ข้อมูลที่ได้จากการ์ตูนเรื่องนี้ จะทำให้เราเข้าใจขึ้นมาหน่อย เวลาดูข่าวในโทรทัศน์เกี่ยวกับต่างประเทศ หรือ เทคโนโลยี เพราะมันจะสอนภาพรวมให้เราเข้าใจข่าวที่อยู่ไกลตัวพวกนั้นขึ้นมานิดนึง

ทางด้านความไหลลื่นของการอ่านเรื่องนี้ เล่มแรกๆยังอ่านไหลลื่นกลางๆ  ส่วนเล่มที่เน้นเนื้อเรื่อง จะไม่ไหลลื่นเลยครับ ต้องตั้งใจอ่านประมาณนิยายเรื่องหนึ่งเลย  เพราะช่วงหลังตัวหนังสือเยอะ จำนวนช่องต่อหนึ่งหน้าก็พอสมควร

ข้อดี
- เนื้อเรื่องลึก ละเอียด มีเอกลักษณ์  หาคนแต่งเรื่องให้ดีแบบนี้ได้ยาก อ่านแล้วรู้สึกว่าคนแต่งมีความรู้รอบตัวสูง
- ตัวละครก็ลึก มีแนวคิดน่าสนใจ  จิตวิทยาที่มาจากตัวละครบางตัวอ่านสนุกดี
- ข้อมูลมีประโยชน์ ส่วนมากเป็นข้อมูลเชิงเอาไว้ประดับสมองเล่น และเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดในโลกจริงๆได้
แต่ไม่ใช่ข้อมูลแนวที่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันทีเลยแบบไอ้หนุ่มราเม็งเปิปพิสดาร
- ฉากต่อสู้มันส์  รุนแรง แต่ไม่ค่อยมีนัก
- บางฉากก็เรียกอารมณ์ให้คนอ่านคล้อยตามได้ดี

ข้อเสีย
- หลังๆเน้นเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองมากไป  ไม่มีอาหารที่เคี้ยวง่ายๆแบบ ฉากต่อสู้ ฉากตลก หรือฉากอื่นเลย  เน้นความเข้มข้นของเรื่องอย่างเดียว
- ฉากวับๆแวมๆ ถูกเซนฯเกลี้ยง

7.5/10 ครับ
เป็นการ์ตูนที่เนื้อหาดีมาก เอกลักษณ์สูง แต่ต้องเพ่งสมาธิอ่านสุดๆ ถ้านับเนื้อเรื่องอย่างเดียวคงได้คะแนนเกือบเต็ม  แต่ถูกปัจจัยหลายๆอย่างหักคะแนนไป เช่น ความไหลลื่นในการอ่าน ฉากต่อสู้ที่มีน้อยไปหน่อย
ถ้าใครชอบอ่านการ์ตูนหรือนิยายที่เน้นเนื้อเรื่องเครียดๆ และน่าติดตาม แต่ไม่ค่อยมีฉากสะใจ เรื่องนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาๆแน่ๆ