The Shield (ซีรี่ย์ฝรั่ง 7 seasons จบ)
ถ้าใครอยากจะดูซีรี่ย์ ที่พระเอกโฉดๆแบบ Breaking Bad กับ Dexter ก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ เป็นเรื่องที่สนุกติด 1 ใน 4 สุดยอดซีรี่ย์ของผมเลย (อันดับ1. Scrubs 2-3. Game of Thrones กับ The Wire คะแนนพอๆกัน 4. The Shield) เสียดายว่าเรื่องนี้ไม่มีซับไทย จึงเหมาะกับคนที่อ่านซับฝรั่งได้อย่างเดียว
เนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตตำรวจจอมวายร้ายของ วิก แม๊คกี้ และเพื่อนร่วมทีมอีกสามคม ที่ร่วมกันใช้อำนาจตำรวจ มาคุมเขตฟาร์มมิงตันด้วยวิธีที่ทั้งถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย แม๊คกี้จะคอยกวาดล้างผู้ร้ายเลวๆ ขณะเดียวกันเขาก็ใช้พวกมันเป็นเครื่องมือหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองด้วย วิธีการต่อกรกับผู้ร้ายแบบไม่สนกฏหมายของเขา ทำให้สถิติการจับกุมจากทีมของวิกอยู่ในระดับเยี่ยม จนผู้หลักผู้ใหญ่ในกรมไม่กล้าว่าอะไร
แต่ใช่ว่าเรื่องนี้จะแสดงแต่ความชั่วร้ายของวิกอย่างเดียว เพราะอีกครึ่งของเรื่องที่วิกทำ ก็เป็นเรื่องดีด้วย เช่นแจกจ่ายเงินให้คนที่ไม่มีจะกิน และเขาก็ยังมีความอ่อนแออีกมากมายจนผู้ชมเกลียดเขาไม่ลงเหมือนกัน
แรกๆที่ดู คนดูอาจจะตีตราวิกไว้ว่า เป็นพระเอกชนิดที่เป็นตัวร้ายไปตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะวีรกรรมชั่วร้ายที่เขาทำไว้ตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง แต่พอผ่านไปซักพัก เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มมีตัวร้ายระดับเลวจริงๆปรากฏตัวขึ้นมา คนดูก็จะเริ่มเรียกหาตัวละครที่มีสีเทาเข้มแบบวิก ให้จัดการพวกมันซะ ซึ่งมันคือเอกลักษณ์ของเรื่องนี้ ใช้คนชั่วระดับที่ยอมรับได้ ไปจัดการคนชั่วที่เลวร้ายเกินทน วิกไม่ทำให้คนดูผิดหวังแน่นอน
นอกจากจะโฟกัสไปที่วิกและลูกทีมที่เป็นตำรวจเลวแล้ว ตัวเรื่องก็นำเสนอตำรวจคนอื่นๆในสถานีฟาร์มมิงตันด้วย เช่นตำรวจทั่วไปอย่าง แดนเนียล ตำรวจสาวที่เป็นกิ๊กกับใครบางคนในสถานี จูเลี่ยนตำรวจผิวดำที่มีความสับสนบางอย่างในใจ อเซเวดา สารวัตรใหญ่ประจำสถานี ที่อยากสร้างผลงานเพื่อสมัครเป็นผู้ว่า
แต่ตัวละครรองที่ดูแล้วสนุกสุดในเรื่องก็คือ คู่หูนักสืบ ดัช กับ คลอเด็ต เนื้อเรื่องของทั้งคู่ได้อารมณ์คนละอย่างกับทีมของวิก ที่จะเน้นการรับมือกับพวกแก๊งต่างๆ เพราะนักสืบคู่นี้จะเน้นรับคดีพวกฆาตรกรโรคจิต หรือไขคดียากๆ ซึ่งเน้นเนื้อหาทางจิตวิทยาเป็นหลัก ทำให้ The Shield มีความสนุกหลายรสชาติเลย ไม่ว่าจะเป็นด้านบู๊ของพวกวิก ด้านดราม่าของตำรวจคนอื่น และการสืบสวนของดัช
อย่างไรก็ตาม ตัวละครรองต่างๆ ก็ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เรื่องนี้ดูหลากหลายเท่านั้น เนื้อเรื่องของแต่ละคนจะเริ่มเข้ามาขมวดอยู่กับทีมของวิกจนเป็นปมเส้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเรื่องเดินไปพักหนึ่ง จนไปถึงบทสรุปสุดท้าย ที่จบได้อย่างลงตัว
ทางด้านตัวร้ายใน The Shield ก็ทำได้ดีมาก แต่ละซีซั่นมีตัวร้ายเด่นๆต่างกัน พวกเขาแต่ละคนสร้างความเสียหายให้แก่ตัวละครหลักได้จริงจัง จนชีวิตของฝ่ายตำรวจเปลี่ยนไปหลังจากได้เจอวายร้ายเหล่านี้ การต่อสู้ในเรื่องไม่ใช่การเอาปืนยิงกันเปรี้ยงๆ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทำให้ชีวิตอีกฝ่ายเลวร้ายลงได้แค่ไหน (แต่ก็มีคนตายเกลื่อนอยู่ดีแหละ)
นอกจากเรื่องตัวร้ายแล้ว ความเข้มข้นของเรื่องก็มาจากสารพันปัญหาที่วิกเจอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากที่ทำงาน เพราะมีคนเริ่มล่วงรู้ถึงเรื่องชั่วร้ายที่เขาทำ ปัญหาจากครอบครัว ซึ่งเขาสวมหน้ากากหลอกว่าเขาเป็นตำรวจที่ดี หรือปัญหาจากวีรกรรมเลวๆที่เขาเคยสร้างไว้ มีกระทั่งปัญหาจากคนอื่นที่โชคร้ายมาซวยถึงวิกด้วย
ปัญหารอบตัวของวิกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพอกพูนขึ้นทุกซีซั่น แม้วิกจะเป็นคนเลว แต่ผมก็ชื่นชมที่เขาไม่เจ็บแค้นโวยวายเรื่องปัญหาต่างๆที่รุมเร้าเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนเลย และการแก้ปัญหาของเขาก็ไม่ใช่วิธียอดมนุษย์ฉลาดเหนือชั้น แต่เป็นวิธีแก้ที่พอจะเอาตัวรอดไปได้อย่างครึ่งๆกลางๆ ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้บางปัญหามันใหญ่กว่าเก่าอีก
สิ่งที่ผมได้จากเรื่องนี้มากสุด ก็คือการพยายามรับมือกับปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตคนเราเรื่อยๆ
วิกไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ชีวิตจริงก็เช่นกัน มีหลายฉาก ที่วิกตีสีหน้าอดทนเมื่อเจอปัญหาใหม่ ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า เขาจะรับภาระปัญหานี้เอง ถึงเขาจะแก้ปัญหาไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้วิธีที่จะอยู่กับมันอย่างสง่างามและไม่ให้เป็นภาระกับคนอื่น แม้ว่าชีวิตเขากำลังถูกกัดกร่อนด้วยปัญหาทีละน้อยก็ตาม
ถ้าจะเปรียบเทียบกับซีรี่ย์ดังๆอย่าง Breaking Bad เรื่องนี้จะดูเป็นศิลปะน้อยกว่า แต่มีความดิบมากกว่า และไม่ยืดเยื้อเท่าครับ แต่ละตอนจะสนุกทันทีเลย ไม่ใช่ค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นเรื่อยๆจนกระทั่งมาระเบิดตอนสุดท้ายของซีซั่น แบบ Breaking Bad
ข้อดี
- ตัวละครหลักมีชีวิตและนิสัยน่าสนใจ (วิก ดัช)
- ตัวร้าย ออกแบบได้ร้ายกาจสุดๆ
- มีฉากที่ทำร้ายความรู้สึกเพียบ
- ปัญหาในเรื่องซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และวางออกมาได้อย่างฉลาด
- มีความมันส์ของเรื่องราวระหว่าง ตำรวจ ปะทะ แก๊งค์ค้ายา
- ฉากวิเคราะห์ด้านจิตวิทยาของดัช
- หักเหลี่ยมเฉือนคม
- ไม่มีตอนที่อืดอาดน่าเบื่อ ทุกตอนเร่งเกียร์สูงหมด
ข้อเสีย
- ช่วงแรกกล้องถ่ายทำสั่นไปนิด แต่เดี๋ยวก็ชิน และสั่นน้อยลงช่วงหลังๆ คงเป็นเพราะผู้กำกับอยากทำให้ได้อารมณ์เหมือนว่าเรากำลังดูสารคดีการทำงานของตำรวจแบบสมจริงมั้ง
- ซีซั่นสุดท้าย อารมณ์ทึมๆเศร้าๆไปหน่อย คงเป็นเพราะเห็นเค้าลางของฉากจบตั้งแต่ซีซั่นกลางๆแล้ว
- ปริศนาของดัชที่เฉลยออกมาไม่ค่อยกระจ่าง ซึ่งเป็นปมใหญ่และน่ากลัวพอๆกับเรื่องของวิก
10/10 ครับ
นอกจากจะโฟกัสไปที่วิกและลูกทีมที่เป็นตำรวจเลวแล้ว ตัวเรื่องก็นำเสนอตำรวจคนอื่นๆในสถานีฟาร์มมิงตันด้วย เช่นตำรวจทั่วไปอย่าง แดนเนียล ตำรวจสาวที่เป็นกิ๊กกับใครบางคนในสถานี จูเลี่ยนตำรวจผิวดำที่มีความสับสนบางอย่างในใจ อเซเวดา สารวัตรใหญ่ประจำสถานี ที่อยากสร้างผลงานเพื่อสมัครเป็นผู้ว่า
แต่ตัวละครรองที่ดูแล้วสนุกสุดในเรื่องก็คือ คู่หูนักสืบ ดัช กับ คลอเด็ต เนื้อเรื่องของทั้งคู่ได้อารมณ์คนละอย่างกับทีมของวิก ที่จะเน้นการรับมือกับพวกแก๊งต่างๆ เพราะนักสืบคู่นี้จะเน้นรับคดีพวกฆาตรกรโรคจิต หรือไขคดียากๆ ซึ่งเน้นเนื้อหาทางจิตวิทยาเป็นหลัก ทำให้ The Shield มีความสนุกหลายรสชาติเลย ไม่ว่าจะเป็นด้านบู๊ของพวกวิก ด้านดราม่าของตำรวจคนอื่น และการสืบสวนของดัช
อย่างไรก็ตาม ตัวละครรองต่างๆ ก็ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เรื่องนี้ดูหลากหลายเท่านั้น เนื้อเรื่องของแต่ละคนจะเริ่มเข้ามาขมวดอยู่กับทีมของวิกจนเป็นปมเส้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเรื่องเดินไปพักหนึ่ง จนไปถึงบทสรุปสุดท้าย ที่จบได้อย่างลงตัว
ทางด้านตัวร้ายใน The Shield ก็ทำได้ดีมาก แต่ละซีซั่นมีตัวร้ายเด่นๆต่างกัน พวกเขาแต่ละคนสร้างความเสียหายให้แก่ตัวละครหลักได้จริงจัง จนชีวิตของฝ่ายตำรวจเปลี่ยนไปหลังจากได้เจอวายร้ายเหล่านี้ การต่อสู้ในเรื่องไม่ใช่การเอาปืนยิงกันเปรี้ยงๆ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทำให้ชีวิตอีกฝ่ายเลวร้ายลงได้แค่ไหน (แต่ก็มีคนตายเกลื่อนอยู่ดีแหละ)
นอกจากเรื่องตัวร้ายแล้ว ความเข้มข้นของเรื่องก็มาจากสารพันปัญหาที่วิกเจอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากที่ทำงาน เพราะมีคนเริ่มล่วงรู้ถึงเรื่องชั่วร้ายที่เขาทำ ปัญหาจากครอบครัว ซึ่งเขาสวมหน้ากากหลอกว่าเขาเป็นตำรวจที่ดี หรือปัญหาจากวีรกรรมเลวๆที่เขาเคยสร้างไว้ มีกระทั่งปัญหาจากคนอื่นที่โชคร้ายมาซวยถึงวิกด้วย
ปัญหารอบตัวของวิกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพอกพูนขึ้นทุกซีซั่น แม้วิกจะเป็นคนเลว แต่ผมก็ชื่นชมที่เขาไม่เจ็บแค้นโวยวายเรื่องปัญหาต่างๆที่รุมเร้าเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนเลย และการแก้ปัญหาของเขาก็ไม่ใช่วิธียอดมนุษย์ฉลาดเหนือชั้น แต่เป็นวิธีแก้ที่พอจะเอาตัวรอดไปได้อย่างครึ่งๆกลางๆ ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้บางปัญหามันใหญ่กว่าเก่าอีก
สิ่งที่ผมได้จากเรื่องนี้มากสุด ก็คือการพยายามรับมือกับปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตคนเราเรื่อยๆ
วิกไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ชีวิตจริงก็เช่นกัน มีหลายฉาก ที่วิกตีสีหน้าอดทนเมื่อเจอปัญหาใหม่ ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า เขาจะรับภาระปัญหานี้เอง ถึงเขาจะแก้ปัญหาไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้วิธีที่จะอยู่กับมันอย่างสง่างามและไม่ให้เป็นภาระกับคนอื่น แม้ว่าชีวิตเขากำลังถูกกัดกร่อนด้วยปัญหาทีละน้อยก็ตาม
ถ้าจะเปรียบเทียบกับซีรี่ย์ดังๆอย่าง Breaking Bad เรื่องนี้จะดูเป็นศิลปะน้อยกว่า แต่มีความดิบมากกว่า และไม่ยืดเยื้อเท่าครับ แต่ละตอนจะสนุกทันทีเลย ไม่ใช่ค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นเรื่อยๆจนกระทั่งมาระเบิดตอนสุดท้ายของซีซั่น แบบ Breaking Bad
ข้อดี
- ตัวละครหลักมีชีวิตและนิสัยน่าสนใจ (วิก ดัช)
- ตัวร้าย ออกแบบได้ร้ายกาจสุดๆ
- มีฉากที่ทำร้ายความรู้สึกเพียบ
- ปัญหาในเรื่องซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และวางออกมาได้อย่างฉลาด
- มีความมันส์ของเรื่องราวระหว่าง ตำรวจ ปะทะ แก๊งค์ค้ายา
- ฉากวิเคราะห์ด้านจิตวิทยาของดัช
- หักเหลี่ยมเฉือนคม
- ไม่มีตอนที่อืดอาดน่าเบื่อ ทุกตอนเร่งเกียร์สูงหมด
ข้อเสีย
- ช่วงแรกกล้องถ่ายทำสั่นไปนิด แต่เดี๋ยวก็ชิน และสั่นน้อยลงช่วงหลังๆ คงเป็นเพราะผู้กำกับอยากทำให้ได้อารมณ์เหมือนว่าเรากำลังดูสารคดีการทำงานของตำรวจแบบสมจริงมั้ง
- ซีซั่นสุดท้าย อารมณ์ทึมๆเศร้าๆไปหน่อย คงเป็นเพราะเห็นเค้าลางของฉากจบตั้งแต่ซีซั่นกลางๆแล้ว
- ปริศนาของดัชที่เฉลยออกมาไม่ค่อยกระจ่าง ซึ่งเป็นปมใหญ่และน่ากลัวพอๆกับเรื่องของวิก
10/10 ครับ