Friday, December 30, 2016

มูโกะ หมาน้อยกวนป่วนฮา



รีวิว มูโกะ หมาน้อย กวน ป่วน ฮา  (itoshi no muco)  สนพ SIC ออกถึงเล่ม 6 ญี่ปุ่นออกถึงเล่ม 10

บางคนอาจจะเคยมีความฝันว่า ซักวันอยากจะมีบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า มีทิวทัศน์ที่เป็นเทือกเขาอยู่ไกลๆ เหมือนในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (นึกตัวอย่างออกแค่ประเทศนี้ แฮ่ ) แต่ละวันก็ใช้ชีวิตที่สุขสงบกับครอบครัว หรือ สัตว์เลี้ยงแสนรัก ได้ทำงานที่เรียบง่ายอยู่ที่บ้าน อย่างการทำสวนไร่ฟาร์มเล็กๆ ทำงานฝีมือขาย หรือ เปิดร้านกาแฟ

บรรยากาศในเรื่อง มูโกะ ก็ประมาณที่กล่าวมาข้างบนครับ หมาน้อยมูโกะกับเจ้านายของเธอ อาศัยอยู่ในบ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาห่างไกลจากผู้คน โคมัตสึที่เป็นเจ้านายของมูโกะเป็นช่างเป่าแก้ว เปิดร้านอยู่ที่บ้าน ตัวเรื่องจะดำเนินผ่านมุมมองของมูโกะ ว่าชีวิตของเธอกับเจ้านายแต่ละวันเป็นยังไง

ในเรื่อง มูโกะจะมีความคิดความอ่านของตัวเอง มีบทพูดที่มีแต่คนอ่านจะเข้าใจ เสมือนมีคนเขียนคอยทำหน้าที่แปลความคิดของหมาน้อยตัวนี้ให้
แม้ว่ามูโกะจะพอเข้าใจคำพูดและการสื่อสารของตัวละครคนในเรื่อง แต่เธอก็ตีความทุกอย่างออกมาในระดับสติปัญญาของหมาน้อยๆตัวหนึ่งเท่านั้น ทุกการกระทำของเธอจึงอยู่ในขอบเขตการกระทำของสุนัขตัวหนึ่งจริงๆ ไม่เหมือนกับภาพยนต์อนิเมชั่นของฝรั่งที่มักจะทำให้ตัวละครสัตว์มีบุคลิกของคนแฝงอยู่ (เช่น Nemo,The lion King)
เพราะอย่างนี้ ในเรื่องจึงเต็มไปด้วยฉากน่ารักๆของมูโกะใช้ตรรกะระดับสุนัขของเธอมาปฏิบัติกับสิ่งต่างๆรอบตัว อย่างเช่นตอนที่มูโกะเห็นเจ้านายขว้างลูกบอลไปที่หลังคา พอลูกบอลกลิ้งกลับลงมา เธอก็คิดว่ามีคนกำลังเล่นด้วยอยู่อีกฟากของบ้านและดีใจจนเนื้อเต้น
หรือตอนที่มูโกะพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้กระโดดลงไปเล่นในบ่อเลี้ยงปลาหน้าบ้าน ไม่อย่างนั้นจะโดนเจ้านายโกรธและเอามือบีบปาก สุดท้ายเธอก็สรรหาเหตุผลแบบสุนัขๆ เพื่อหาเรื่องกระโดดลงไปอยู่ดี จนถูกบีบปากตามระเบียบ

ส่วนด้านตัวละครที่เป็นคน ก็ทำให้เนื้อเรื่องสนุกได้ไม่แพ้กัน เพราะสัตว์ในเรื่องนี้มีแค่มูโกะเท่านั้น คนเขียนจึงใช้ตัวละครคนมาช่วยสร้างสีสรรให้กับเรื่องจนเป็นปัจจัยสำคัญพอๆกับมูโกะ แต่ละคนก็จะมีบุคลิกฮาๆต่างกันไป เวลาตัวละครไหนออกมา ก็จะสร้างความสนุกให้กับเรื่องด้วยวิธีต่างกันตามบุคลิกและบทของคนๆนั้น

ความสนุกของเรื่องจึงมาจากชีวิตประจำวันใสๆ ได้เห็นพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงน่ารักๆที่ไม่มีการใส่บุคลิกของคนมาปนกับความเป็นสุนัขของมูโกะ ตัวละครคนแต่ละคนมีบุคลิกน่าสนุก แม้จะมีภาพวาดไม่สวย แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนได้เสพบรรยกาศของชีวิตในบ้านท่ามกลางภูเขาอย่างเต็มที่ มีฉากตลกอยู่บ้าง แต่ส่วนมากจะนำเสนอฉากชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายไร้สิ่งปนเปื้อนที่ดูแล้วชื่นใจมากกว่า

ทางด้านความไหลลื่นเวลาอ่าน เรื่องนี้อ่านได้ไหลลื่นมากครับ เพราะแต่ละหน้ามีจำนวนกรอบ และคำพูดค่อนข้างน้อย แป๊ปเดียวก็อ่านจบแล้ว

ข้อดี
- เนื้อเรื่องใสๆ ดูแล้วสดชื่นอบอุ่นใจ บางตอนตลก
- แม้จะภาพวาดจะไม่สวย แต่อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้เสพบรรยากาศการใช้ชีวิตในบ้านสงบๆท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อมด้วยภูเขา

- การนำเสนอความนึกคิดของสัตว์ในเรื่อง ทำได้น่าสนใจ  แม้คนอ่านจะเข้าใจความนึกคิดของมูโกะ แต่มุมมองของเธอต่อโลกใบนี้ก็อยู่ในระดับสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น เราจึงได้เห็นการเปรียบเทียบมุมมองของคนและสัตว์ในเรื่องบ่อยๆ

- ตัวละครคนมีบุคลิกสนุกๆต่างกัน และสร้างสีสรรให้กับเรื่องมาก
- มีหน้าสีทุกเล่ม
- แปลได้ดี  บทพูดของมูโกะ อ่านแล้วรู้สึกน่ารักไร้เดียงสาเหมือนเป็นการแปลคำพูดของหมาตัวหนึ่งจริงๆ ไม่รู้สึกว่าพยายามฝืนทำให้ดูน่ารัก
(เวลา เรนะ เรียกพ่อตัวเอง ก็ไม่ได้เรียกว่า พ่อจ๋า ตามกระแสการแปลช่วงหลังด้วย เวลาเห็นเรื่องไหนใช้คำว่า พี่จ๋า พ่อจ๋า แบบนี้ ผมจะรู้สึกเหมือนคนแปลพยายามยัดความน่ารักใส่ตัวละครนั้นเกินไป จนน่าขนลุก)

- ไม่มีตัวละครสัตว์ตัวอื่นเลย ผมชอบตรงจุดนี้ เพราะถ้ามูโกะมีสัตว์ตัวอื่นให้คุยด้วย ผมว่ามูโกะจะดูเหมือนเป็นหมาน้อยลง และกลายเป็นการ์ตูนแนวสัตว์เลี้ยงทั่วไป ที่มีสัตว์ต่างๆพูดคุยกัน จนรู้สึกไม่ต่างจากตัวละครคน

ข้อเสีย
- ภาพวาดอาจจะไม่ค่อยสวยนัก
- จำนวนหน้าต่อหนึ่งเล่มค่อนข้างน้อย
- บางเล่ม แปลให้มูโกะพูดว่า ครับ ไม่รู้ว่าผิดพลาด หรืออาจเป็นเพราะ ในสถานการณ์นั้นให้มูโกะพูดครับ จะดูน่ารักกว่าก็ได้ (ที่สงสัยว่าเป็นการจงใจ เพราะตอนที่มูโกะพูดครับ มันดูตอบรับกับเรื่องราวในฉากบ้างเหมือนกัน)

7/10 ครับ ชอบบรรยากาศในเรื่อง

Friday, December 23, 2016

ตัวแสบแอบเกรียน อูมารุจัง


รีวิว ตัวแสบแอบเกรียน อูมารุจัง (Himouto! Umaru-chan) สนพ SIC ออกถึงเล่ม 8 ญี่ปุ่นออกถึงเล่ม 9

เป็นการ์ตูนใสๆ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของสาวน้อย อูมารุ  เรื่องนี้มีจุดขายอยู่ที่อุปนิสัยของตัวเอกสาว กับ ชีวิตของเธอในห้องเช่าเล็กๆกับพี่ชายครับ

เริ่มเรื่อง จะกล่าวถึงว่า อูมารุ คือสาวน้อยที่ท่าทางภายนอกเหมือนคุณหนูสุดแสนสมบูรณ์แบบในสายตาเพื่อนที่โรงเรียนและคนอื่นๆ ระดับผลการเรียนของเธอและทักษะกีฬาไร้ที่ติทุกเรื่อง และเธอก็คอยรักษาภาพลักษณ์นั้นไว้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อไหร่ที่เธออยู่ในบ้าน เธอจะแสดงบุคลิกที่แท้จริงออกมา ว่าจริงๆแล้วอูมารุเป็นเด็กขี้เกียจ ชอบเล่นเกม อ่านการ์ตูนกับนิยาย กินขนมน้ำอัดลมเลอะเทอะทั่วบ้าน และเอาแต่ใจสุดๆ ซึ่งมีแต่พี่ชายของเธอเท่านั้นที่มีโอกาสเห็นเธอในสภาพนี้

ในเรื่องจะใช้พล็อตที่กล่าวข้างบนมาเป็นพื้นฐานหลัก ส่วนเนื้อหาแต่ละตอน ก็จะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของอูมารุในแต่ละวัน บางตอนก็เกี่ยวกับชีวิตของเธอในห้องเช่าเล็กๆกับพี่ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว บางตอนก็เกี่ยวกับชีวิตในโรงเรียนของอูมารุและเพื่อนๆที่ชื่นชมภาพลักษณ์คุณหนูของเธอ
แต่ละตอน ส่วนมากจะพูดถึงวิธีการหาความสุขใส่ตัวในแต่ละวันของอูมารุ เช่น เล่นเกม กินขนมน้ำอัดลมให้สะใจ หรือถลุงเงินซื้อของเล่นและสินค้าน่ารักๆเข้าบ้าน
หลายครั้งเธอก็จะใช้การอ้อนพี่ชายหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เช่น ให้พี่ทำอาหารที่ชอบ ซื้อโน่นนี่ให้ เก็บกวาดห้องให้ และส่วนมากแผนของเธอก็มักจะสำเร็จด้วย

นอกจากเรื่องราวภายในบ้านแล้ว ตัวเรื่องก็นำเสนอเรื่องราวระหว่างอูมารุและเพื่อนสาวของเธอตอนออกมานอกบ้านด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นองค์ประกอบของเรื่องที่ทำได้น่าสนใจ เพราะเราจะได้เห็นคนอื่นๆปฏิบัติกับอูมารุ จากภาพลักษณ์ภายนอก ซึ่งไม่เหมือนตัวตนที่แท้จริงตอนเธออยู่บ้านซักนิด

ภาพคร่าวๆของเรื่องอาจดูเป็นเรื่องชีวิตของเด็กสาวกับพี่ชายและเพื่อนๆที่ดูน่าอบอุ่น ได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งใช้ชีวิตใสๆที่ซับซ้อนนิดหน่อย และชอบงองแงดูน่ารัก มีเนื้อเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆน่าสนใจ
แต่ผมและผู้อ่านต่างประเทศบางคนก็เจอจุดที่ไม่ค่อยชอบเหมือนกันครับ (ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนตัวด้วยแหละ) ซึ่งก็คือ นิสัยของตัวละครสำคัญนั่นเอง

ตัวละครเรื่องนี้ สร้างมาได้น่าสนใจหมด ไม่ว่าจะเป็น อูมารุ พี่ชายของเธอ ตัวละครเสริมที่เป็นเพื่อนๆ
โดยเฉพาะอูมารุ ที่สร้างได้มีมิติมากๆ จนเป็นตัวละครที่ดูเหมือนมีชีวิตจริงที่สุดในเรื่องเลย
ด้านหนึ่งของอูเธอคือสาวน้อยสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีแต่คนภายนอกเท่านั้นที่จะได้เห็น  ส่วนด้านนิสัยที่แท้จริง ที่เอาแต่ใจ คิดแต่เรื่องความสุขและความสะดวกของตัวเอง จะเอาไว้ใช้กับพี่ชายเท่านั้น
เวลาอยู่บ้าน นิสัยของอูมารุจะมีความสลับซับซ้อนมากกว่าตัวละครอื่น เพราะเธอมีทั้งมุมน่ารักขี้อ้อน มุมดื้อเอาแต่ใจ มุมขี้เกียจ และมุมที่แสดงความรักและเป็นห่วงพี่ชาย(นานๆที)
ส่วนด้านแนวคิดและความต้องการก็เหมือนคนจริงๆ คือ ชอบหาความสุขสั้นๆใส่ตัว อย่างการเล่นเกม กินขนมน้ำอัดลม ซื้อของมาตอบสนองความอยากแล้วก็ทิ้งขว้างทีหลัง ตามกระแสทุกอย่างที่เห็นจากในเน็ตหรือโทรทัศน์
คนอ่านสามารถจินตนาการอูมารุออกมาเป็นคนจริงๆที่รู้จักเคยเห็นบุคลิกราวๆนี้จากในเน็ต
ถ้านับเฉพาะรสนิยม ตัดเรื่องนิสัยทุกอย่างออกไป ผมจินตนาการอูมารุออกมาประมาณสาวๆเกมเมอร์ในเน็ต ที่ตามกระแสดังๆ ได้ทันทุกเรื่องล่ะมั้ง
เพราะอย่างนี้อูมารุ จึงนับเป็นจุดแข็งของเรื่อง เพราะเธอเป็นตัวละครที่ทำออกมาได้ซับซ้อนมาก

แต่เธอก็เป็นจุดด้อยของเรื่องในสายตาผู้อ่านบางคนเช่นกันครับ

ตามความคิดผม และผู้อ่านในต่างประเทศ มีหลายคนที่ทนพฤติกรรมสักแต่จะเรียกร้องจะเอาๆโน่นนี่แบบนี้ไม่ได้ เวลาอยู่บ้านอูมารุจะแทบไม่ช่วยพี่ชายทำอะไรเลย พออ้าปากที่ ก็จะเป็นการขอให้พี่ทำธุระอย่างใดอย่างหนึ่งให้แทบทุกตอน
อีกเรื่องก็คือ เธอเป็นคนที่วัตถุนิยมสุดๆ อูมารุจะคอยใช้เงินพี่ชายซื้อสิ่งของต่างๆจากในเน็ตหรือนอกบ้านมาตอบสนองความสุขชั่วครั้งชั่วคราวของเธอแทบทุกตอน ความสุขของเธอจะขึ้นอยู่กับสินค้าที่ซื้อมาใหม่เท่านั้น
บางทีเธออาจจะกำลังใช้ปรัชญาชีวิตแบบสังคมยุคใหม่ก็ได้ คือ เธอเรียนเก่งมาก จึงสมควรได้รางวัลตอบแทนความพยายาม
แบบวลีที่ว่า Work Hard, Play hard ให้รางวัลกับตัวเอง บลาๆ ที่เราเห็นโทรทัศน์พูดกันบ่อยๆ

ตอนที่อ่านแรกๆ ผมก็นึกว่าตัวเองมองโลกในแง่ร้ายไปรึเปล่า ที่ไม่ชอบนิสัยของอูมารุ เลยลองไปค้นหาใน Google ดูเพราะอยากรู้ว่าคนอ่านเมืองนอกคิดยังไง ปรากฏว่าก็มีคนเห็นด้วยกับผมเยอะเหมือนกัน

แต่ใครจะชอบหรือไม่ชอบนิสัยของอูมารุ  ก็เป็นแค่รสนิยมส่วนบุคคลเท่านั้นครับ บางคนอาจจะชอบที่เธอเหมือนคนจริงๆดีก็ได้ และการซื้อของมากมายมาตอบสนองความสุข ก็เป็นเรื่องที่หลายคนทำกันเป็นธรรมดาเช่นกัน

เรื่องนี้ อ่านไม่ค่อยไหลลื่นนัก ต้องตั้งใจอ่านถึงจะสนุก ตัวหนังสือและจำนวนช่องต่อหน้ามีอยู่ปานกลางค่อนข้างสูง (ระดับ7)

ข้อดี
-ตัวละครหลักอย่างอูมารุ ทำได้ซับซ้อนและมีมิติมาก มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี
ต่างกับการ์ตูนหลายเรื่อง ที่สร้างตัวละครผู้หญิงให้มีนิสัยตอบสนองกับความต้องการของคนอ่านชาย เช่นผู้หญิงแนวเรียบร้อย หรือ แนวร่าเริง รักตัวละครเอกแบบไม่ลืมหูลืมตา มีงานอดิเรกน่ารักๆอย่างการทำขนม ทำงานบ้าน เล่นกับเด็กๆ(แต่ที่กล่าวมานี่ ก็เป็นแนวที่ผมชอบนะ)
ส่วนอูมารุจะต่างกับตัวละครข้างบนตรงที่เธอเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นหลัก และใช้ประโยชน์จากทุกอย่างเพื่อความสุขของตัวเอง ไขว่คว้าหาความสะดวกสบาย ซึ่งก็ดูเหมือนคนจริงๆดี

- เนื้อเรื่องให้รายละเอียดเกี่ยวกับการหาความสุขจากสิ่งรอบตัวเยอะมาก เช่น กินขนมกับน้ำอัดลมยังไงให้อร่อย กินขนมในห้องน้ำยังไง ของเล่นชนิดนี้สนุกตรงไหน เมื่อก่อนมีสินค้าสนุกๆแบบไหน
- เนื้อเรื่องอบอุ่น (ขึ้นอยู่กับว่าคนอ่านจะปล่อยวางนิสัยของนางเอกได้มากแค่ไหน)
- แม้จะเป็นเรื่องราวชีวิตประจำวันธรรมดาๆ แต่ก็ทำได้น่าสนใจทุกตอน
- ตัวละครเสริมทำให้เรื่องสนุกขึ้นพอสมควร

ข้อเสีย
- บางคนอาจจะรับนิสัยของนางเอกไม่ได้
- ความสนุกของเรื่องอยู่ในระดับกลางๆ ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่มีอะไรหวือหวา
- ไม่มีฉากเซอร์วิสจ้า

7/10 ครับ  ไม่ได้หักคะแนนเรื่องนิสัยของอูมารุเลย
จุดเด่น  สร้างตัวเอกเหมือนเป็นสาวน้อยที่มีตัวตนจริงๆ  และเขียนข้อมูลเกี่ยวกับการหาความสนุกจากรอบตัวเราได้ละเอียดมาก


Thursday, November 17, 2016

เนตรสยบมาร


Review เนตรสยบมาร (Basilisk) 5 เล่มจบ สนพ NED

ความสนุกของ X-men คือการเอาผู้มีพลังพิเศษฝ่ายดีและฝ่ายร้ายมาจัดเป็นทีมแล้วให้สู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้าง เรื่องเนตรสยบมารก็มีพล็อตคล้ายๆแบบนี้ครับ แต่มีฉากฆ่าฟันกันที่รุนแรงกว่า และมีฉากติดเรทอยู่พอสมควร เป็นการ์ตูนที่เน้นฉากบู๊และการลอบสังหารมันส์ๆตลอดเรื่องเลย

การ์ตูนเรื่องนี้อยู่ในยุคโบราณสมัยที่นินจากำลังเฟื่องฟู เนื้อหาคือการต่อสู้ระหว่างนินจาสองกลุ่ม
ในเรื่องจะไม่มีการปล่อยพลังยิงกันตูมตามแบบการ์ตูนนินจาดังๆอย่างนารุโตะ เพราะความสามารถของนินจาแต่ละคนในเรื่อง จะไม่ค่อยอลังการมาก เช่น บางคนยืดแขนขาได้  บางคนสามารถเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเพื่อเข้าแทรกซึมศัตรู มีนินจาที่พ่นไยเหนียวๆเป็นอาวุธ หรือนินจาสาวที่ทำให้คนที่กำลังทำอะไรกับเธอเสียชีวิต เรื่องนี้จึงสนุกตรงที่ว่า ทุกคนมีโอกาสฆ่าศัตรูเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครเก่งกว่าใครเกินไป แม้แต่ทหารธรรมดาก็สามารถฆ่านินจาได้

พล็อตเรื่อง: ผู้มีอำนาจในญี่ปุ่นยุคนั้น ต้องการตัดสินใจว่าหลานคนไหนของ โทคุคาว่า อิเอยาสุ จะได้รับตำแหน่งโชกุนคนต่อไป พวกเขาจึงสั่งให้นินจาสองขั้วใหญ่ส่งตัวแทนสิบคนเข้ามาสู้กัน เพื่อหาผลลัพธ์ว่าฝ่ายไหนจะชนะ แล้วหลานที่ถือหางนินจาฝ่ายนั้นก็จะได้รับตำแหน่งไป ด้วยเหตุนี้สงครามของนินจาฝีมือฉกาจ 10ต่อ10 คน จึงเริ่มขึ้น

ทั้งเรื่องเน้นฉากต่อสู้ และการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆเพื่อลอบสังหารศัตรู นอกจากนี้ก็มีประเด็นความรักบ้างนิดหน่อย ส่วนฉากติดเรทถูกเซนเซอร์ด้วยวิธีถมสีขาวที่ส่วนของร่างกายแทน
เรื่องนี้บทพูดมีปริมาณกลางๆค่อนไปทางน้อย จึงอ่านได้ไหลลื่นสุดๆครับ

ข้อดี

- การต่อสู้มีลุ้นตลอด ไม่มีใครเหนือกว่าใคร พลังของนินจาอยู่ในระดับเหนือคนธรรมดา แต่ไม่ถึงกับระเบิดภูเขาเผากระท่อมได้
- พลังพิเศษของแต่ละคนเข้าใจง่าย ไม่ต้องอธิบายเป็นสิบตอนถึงจะรู้ว่ามันสามารถทำอะไร
- ไม่เน้นแค่การต่อสู้ซึ่งๆหน้า มีการใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์ในการลอบสังหารด้วย
- ล่ากันทั้งเรื่อง แทบไม่มีประเด็นอื่นเลย
- เดาไม่ถูกว่าคนไหนจะได้ฆ่าคนไหน
- นินจาทั้งสองฝ่าย เลือดเย็นพอๆกัน ไม่รู้สึกว่าเป็นการต่อสู้ของคนดีกับคนร้าย
- อ่านได้ไหลลื่นสุดๆ
- แม้จะแค่ 5 เล่มจบ แต่ผมว่าปริมาณเนื้อหากำลังพอดีกับพล็อตเลย

ข้อเสีย
- กระดาษอยู่ในเกรดพอทน
- เซนเซอร์

7.5/10  เป็นการ์ตูนที่บางครั้งบางคราว ก็หยิบมาเพื่ออ่านเอามันส์ได้ครับ

Monday, November 14, 2016

พลิกชะตาชำระบาป


รีวิว พลิกชะตาชำระบาป (Rengoku no Karma)
สนพ Luckpim 5 เล่มจบ

เป็นการ์ตูนที่คนอ่านทั่วไปสามารถอ่านได้อีกเรื่องหนึ่งของ Luckpim ครับ

ถ้าเปิดอ่านเพียงแค่ตอนแรกๆ พลิกชะตาชำระบาป อาจจะดูเหมือนการ์ตูนแนว 'จับคนมาเล่นเกมส์เอาชีวิตรอด' ซึ่งเป็นแนวที่กำลังนิยมในตลาดตอนนี้ แต่พออ่านจริงๆ ก็จะพบว่าสิ่งที่ถูกเน้น คือการดำเนินเรื่องที่เข้มข้น กับ การตัดสินใจของตัวละครหลักที่มีผลกับเนื้อเรื่องซะมากกว่า

การ์ตูนเรื่องนี้เริ่มด้วยการสร้างปมหลายๆปมตั้งแต่ต้นเรื่องผ่านชีวิตของตัวละครเอกและบุคคลรอบกาย หลังจากนั้นจึงค่อยคลายปมต่างๆผ่านสายตาตัวเอก ซึ่งคนอ่านจะเรียนรู้เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านตัวละครนี้ตลอดทั้งเรื่อง
ต้องขอชมว่าปมปริศนาต่างๆในเรื่องทำได้เข้มข้น และซึ้งดี อ่านเข้าใจง่ายด้วย

ภาพในเรื่องดูหนักแน่น และสื่ออารมณ์ผ่านหน้าตาของตัวละครได้ดีมาก ฉากไหนอยากเรียกอารมณ์อะไร คนวาดก็สร้างออกมาได้ตามความตั้งใจจริงๆ
ตัวละครหลายตัวดูมีมิติ ทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจเมื่อเรื่องเดินไปถึงจุดหนึ่ง ส่วนตัวร้ายก็ทำได้น่ารังเกียจดีครับ

สิ่งที่เป็นจุดเด่นคือ ความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง การกระทำของตัวละคร ปัญหาที่ตัวเอกต้องแก้ ฉากคนใช้ความรุนแรง และความเกลียดชังของตัวละคร มีเนื้อหาติดเรทนิดหน่อย แต่ก็ถูกนำเสนอแบบอ้อมๆ ไม่มีอะไรที่ต้องเซนเซอร์
ส่วนฉากอื่นๆ เช่นฉากตลก ประเด็นความรัก หรือ ตอนสนุกสนานเบาๆไม่มีเลยครับ เน้นดำเนินเรื่องไปข้างหน้าอย่างเดียว (แต่การ์ตูนแถม 4 ช่องจบท้ายเล่ม ฮาใช้ได้นะ)

เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 บท 2 ตัวเอก แต่เนื้อหาเกี่ยวข้องกัน
พล็อตของบทแรกคร่าวๆคือ ตัวเอกได้ฆ่าตัวตายเพื่อหนีการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ทว่าหลังจากเสียชีวิตเขาก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับถูกลงโทษจากยมทูตสาวให้ชดใช้บาป เพราะการฆ่าตัวตายของเขาทำให้คนรอบกายเขาอีก 6 คน ต้องทุกข์ทรมานโดยที่เขาคาดไม่ถึง

ด้วยเหตุนี้ตัวเอกจึงต้องรับภารกิจชดใช้กรรมในร่างวิญญาณ เขาต้องกลับไปช่วยเหลือคนที่มีชีวิตลำบากเพราะการฆ่าตัวตายของเขาภายใต้ข้อจำกัดของกฏที่ยมทูตตั้งไว้จนเหมือนเป็นเกมส์อย่างหนึ่ง ในใจก็เฝ้าสงสัยว่า ความตายของเขาจะทำให้คนอื่นลำบากซักแค่ไหนกันเชียว

ส่วนบทที่สองก็คล้ายๆกัน แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันนิดหน่อย

เรื่องนี้อ่านไหลลื่นมากครับ ทั้งตัวหนังสือและจำนวนช่องต่อหนึ่งหน้า ทำออกมาได้เป๊ะมาก ทั้งที่เป็นการ์ตูนเน้นเนื้อเรื่อง ซึ่งน่าจะมีตัวหนังสือยุ่บยั่บจนอ่านได้ช้ากว่านี้


ข้อดี
- เนื้อเรื่องเข้มข้น อ่านแล้วยิ่งอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางฉากก็ซึ้งสุดๆ
- ภูมิหลังตัวละคร ทำได้น่าสนใจทุกตัว
- ลายเส้นสวย และหนักแน่น  เลยสื่ออารมณ์ในฉากต่างๆได้ดี
- มีติดเรทนิดหน่อย(แบบอ้อมๆ)
- ข้อคิดเรื่องการฆ่าตัวตาย ว่ามันจะมีผลกระทบกับคนอื่นๆที่แม้แต่เราก็คาดไม่ถึง เหมือนทฤษฏี Butterfly Effect
- อ่านไหลลื่นมากๆ ทั้งที่เป็นการ์ตูนแนวเน้นเนื้อเรื่องซึ่งน่าจะอ่านได้ฝืดกว่านี้

ข้อเสีย
- นอกจากเนื้อเรื่องเข้มข้น กับลายเส้นที่สื่ออารมณ์ออกมาได้ดี ก็ไม่มีประเด็นอื่นให้ชมอีก (แต่ก็ไม่มีให้ติเช่นกัน) เหมือนเป็นร้านอาหารที่ขายแต่เมนูอร่อยๆเมนูเดียว

- บทที่2 ตอนท้ายๆ ค่อนข้างรวบรัดไปหน่อย   แต่ยังนับได้ว่าจบอย่างลงตัว

7/10 ครับ  จะสนุกมากสำหรับคนที่ชอบอ่านการ์ตูนแนวเน้นเนื้อเรื่องล้วนๆเลย

Thursday, November 3, 2016

เมื่อแรกรักผลิบาน


รีวิว เมื่อแรกรักผลิบาน (Sakurasaku Shoukougun) 4 เล่มจบ สนพ Luckpim

ช่วงหลัง Luckpim เริ่มเอาการ์ตูนแนวรักๆใคร่ๆ ที่ 'ผู้อ่านทั่วไป' อ่านได้ มาขายมากขึ้น เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ

เนื้อหาเกี่ยวกับ พระเอกที่เป็นเด็กเรียนไม่สนใจใคร ได้มีโอกาสมาใกล้ชิดกับกับเพื่อนสาวสมัยเด็กอีกครั้ง หลังจากเธอมาขอให้เขาติวหนังสือให้ เพราะเธอต้องการจะสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับผู้ชายที่เธอแอบชอบ
แรกๆพระเอกก็ไม่ได้คิดอะไรกับการช่วยเหลือนี้ แต่พอนานๆเข้า เขาก็รู้ตัวว่าเขาตกหลุมรักเพื่อนตัวเองซะแล้ว แต่ก็รู้ว่าในใจเธอมีคนอื่นอยู่

จะเห็นว่าเรื่องนี้พล็อตไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แต่การนำเสนอเนื้อหาทำได้ดี ทุกอย่างสื่อออกมาตรงๆ พล็อตเดินตลอด ไม่ค่อยมีตอนย่อยที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลัก อ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อ หรือเข้าไม่ถึง

ความสนุกของเรื่องจะมาจากความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลัก เช่นพระเอกคิดกับเพื่อนสาวของเขายังไง กำลังดีหรือกำลังทะเลาะกับเธอ และจะเรียกร้องความสนใจจากเธอยังไง เพราะเขาเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรัก
ส่วนฝ่ายหญิงก็ถูกนำเสนอในรูปแบบคล้ายๆกัน แต่จะมีส่วนแตกต่างบ้าง เพราะความรู้สึกของเธอไม่เหมือนกับเขา

นอกจากนี้ ความสนุกอีกอย่างของเรื่อง ก็มาจากตัวละครหญิงหลักที่สร้างออกมาได้มีบุคลิกน่าสนใจและมีมิติ
เพื่อนสาวสมัยเด็กของพระเอกเป็นสาวผมทองนิสัยม้าดีดกระโหลก และออกทึ่มนิดๆ ชอบใช้แรงอันมหาศาลมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะสู้กับคนโน้น ต่อยคนนี้ จนทำให้พระเอกต้องปวดเศียรเวียนเกล้าบ่อยๆ
แต่นิสัยห้าวๆบ๊องๆของเธอ ก็สร้างเหตุการณ์น่าสนใจต่างๆให้กับเรื่องนี้มากมาย เช่นตอนที่จะเอาตัวเป็นเดิมพันเพื่อจะหาเศษตังค์หยอดตู้

ที่น่าสนใจคือ เธอเป็นตัวละครเดียวที่ดูมีมิติกว่าใครๆ เพราะในเรื่องจะสื่อให้เห็นการพัฒนาทางความคิด และความสับสนในใจเธอ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ทางด้านปัจจัยภายนอก การยืนการนั่งของเธอจะเหมือนกับผู้ชาย และไม่ระวังตัวเลย ขณะที่ตัวละครหญิงอื่นๆในเรื่องจะไม่มีท่าทางแบบนี้ แต่โชคดี(?)ที่เธอใส่กางเกงขาสั้นตลอด จึงช่วยปกปิดใต้กระโปรงไว้ได้หลายฉาก  นอกจากนี้ชุดที่ใส่ก็ดูทะมัดทะแมงเข้ากับคาแรคเตอร์ แต่ก็คับติ้วไปหน่อยแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจจะโชว์ส่วนสัดก็ตาม

จำนวนช่องรูปภาพและตัวหนังสือต่อหนึ่งหน้ากระดาษ อยู่ในระดับกลางๆค่อนไปทางสูง อาจอ่านไม่ค่อยไหลลื่นนัก
ถ้าการ์ตูนอ่านลื่นๆอย่างบากิ มีปริมาณเนื้อหาต่อหนึ่งหน้ากระดาษเท่ากับ 1  ส่วนเรื่องที่ช่องเยอะๆตัวหนังสือเยอะๆ แบบวันพีซมีปริมาณเท่ากับ 10
เรื่องนี้ปริมาณเนื้อหาต่อหนึ่งหน้าอยู่ราวๆระดับ 7 ครับ

ข้อดี
- กระดาษดีตามประสาค่าย Luckpim
- ลายเส้นหนักแน่น ทำให้สื่ออารมณ์ของฉากต่างๆได้ดี
- คนอ่านทั่วไปอ่านแล้วรู้เรื่อง ไม่ได้เน้นเจาะกลุ่มคนอ่านที่ชอบอ่านการ์ตูนแนวตัวละครหญิงเยอะๆอย่างเดียว
- แม้จะไม่มีฉากเซอร์วิส แต่นางเอกก็ชอบใส่เสื้อผ้าสั้นๆและนั่งอ้าซ่าบ่อยเหลือเกิน
- ไม่มีตัวละครเยอะจนเกินความจำเป็น และไม่มีตัวละครที่มีบทให้รู้สึกน่ารำคาญ

ข้อเสีย
- มีแต่ประเด็นรักๆใคร่ๆอย่างเดียว ไม่มีฉากตลกหรือฉากที่ให้อารมณ์อื่น  ไม่มีเนื้อหาย่อยที่น่าสนใจ  เหมือนกินอาหารรสเดียวทั้งเรื่อง

6/10 ครับ
อาจจะดูคะแนนไม่มาก แต่ขอบอกว่า เรื่องที่ผมอ่านไม่ได้เลย จะได้คะแนนราวๆ 4 ลงมา  มีเยอะมากด้วย ประมาณ 60% ของการ์ตูนในตลาด
ส่วนเรื่องที่ได้ 5 คะแนน จะเป็นการ์ตูนที่อ่านแล้วเข้าใจ แต่ไม่สนุกจนรู้สึกอยากติดตาม(เช่นโทริโกะในช่วงหลังๆ)

เรื่องไหนอยู่ในช่วง 6 คะแนน คือเรื่องที่สนุกจนผมสามารถอ่านได้จนจบ และน่าสนใจพอจนอยากเขียนรีวิวครับ


Friday, October 28, 2016

Vikings

รีวิว ซีรี่ย์ Vikings (ถึง season 4a ล่าสุด )



ช่วงนี้ Game of Thrones ซีซั่นใหม่ยังไม่มา ก็เลยหาอะไรมาดูแก้ขัดก่อนครับ
ผมได้ยินคำแนะนำมาซักพักแล้วว่า ถ้าอยากดูอะไรแนว GoT แต่เนื้อหาเบากว่า และโฟกัสตัวละครน้อยกว่า ให้ดูเรื่อง Vikings
ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ผมเอาไว้ดูกล้อมแกล้มแก้ขัดรอ GoT  พอดูจบแล้วก็ลืมๆไป เหมือนซีรี่ย์ฝรั่งหลายเรื่อง
แต่ไปๆมาๆ Vikings กลับเป็น หนึ่งในเรื่องหลักที่ผมต้องตามดูเลย

เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของพระเอก แรคนาร์ และครอบครัวของเขาที่เป็นชาวไวกิ้ง ตอนแรกแรคน่าร์เป็นแค่ชาวไวกิ้งธรรมดาๆ ที่ทำงานรับใช้เอิร์ลของตัวเองเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆมีอิทธิพลและอำนาจขึ้นเรื่อยๆจากวีรกรรมอันไร้ศีลธรรม(แต่เป็นเรื่องที่ปรกติสำหรับเผ่านี้) ขณะเดียวกันความขัดแย้งกับฝ่ายต่างๆ ก็ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจากคนในเผ่าพันธุ์เดียวกันเอง หรือ จากคนที่อยู่ต่างแดน กระทั่งการทรยศหักหลังจากคนใกล้ชิด
เรื่องนี้จะดำเนินไปเรื่อยๆตั้งแต่แรคน่าร์ยังหนุ่ม จนถึงวัยปลายๆ จิตใจของเขาเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและเหตุการณ์ที่ได้พบเจอ มีทั้งยุครุ่งเรืองและยุคที่ตกต่ำสุดๆจนไม่รู้ว่าจะขึ้นมาอยู่ที่เดิมได้รึไม่ เราจะได้เห็นลูกๆของแรคน่าร์เติบโตขึ้น และเตรียมพร้อมจะสร้างเรื่องยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงตามประวัติศาสตร์(ในชีวิตจริง ลูกชายของแรคน่าร์ และโรโล่ที่เป็นพี่ชาย สร้างวีรกรรมดังๆไว้มากกว่าพระเอก)

ความป่าเถื่อน ความขัดแย้ง ฉากติดเรท พล็อตที่น่าสนใจ มีครบในเรื่องนี้ครับ
เพลงเปิดก็เพราะและให้บรรยากาศน่ากลัวดี (Fever Ray 'If I Had A Heart')


จุดเด่นในเรื่อง

เสน่ห์อย่างแรกของเรื่องนี้อยู่ที่ฉากต่อสู้แบบสงครามย่อมๆ ที่มีให้ดูบ่อย สงครามจะมีคนสู้กันแค่ฝ่ายละ 40-50 คน ไม่รู้ว่าที่จำนวนคนน้อย เป็นเพราะอ้างอิงตามประวัติศาสตร์ หรือ งบประมาณกันแน่ แต่ยังไงฉากต่อสู้ก็ทำได้มันส์ ไม่มีใครดูแล้วเก่งไร้เทียมทานเลย และไม่มีตัวละครนักรบที่บุคลิกซ้ำๆซากๆด้วย (ตอนแรกนึกว่ามี จนกระทั่งตัวละครแนวนั้นตายหมด) เราจะได้เห็นฉากต่อสู้ที่สะใจเกิดขึ้นทุกซีซั่น

นอกจากนี้ เนื่องจากพระเอก คือพวกไวกิ้ง ดังนั้นฝ่ายของเขาเลยมีลักษณะเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อน ทุกคน ปล้น ฆ่า ข่มขืน ทุกอย่างที่ขวางหน้าหมด เพราะวัฒนธรรมและศาสนาของพวกเขาอนุญาตให้ทำอย่างนั้น

จุดเด่นที่สอง ก็คือพล็อตความขัดแย้งการทรยศหักหลังที่เกิดขึ้นในเรื่อง ในช่วงแรกความขัดแย้งยังไม่มีเท่าไหร่ เพราะเน้นเรื่องการบุกปล้นสะดมของตัวเอกมากกว่า แต่พอซีซั่น2 เรื่องนี้ก็เริ่มเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการหักหลังของตัวละครต่างๆ ที่มีความเข้มข้นไม่แพ้เรื่องดังๆเลย
แต่การสร้างพล็อตของเรื่องนี้ ไม่ค่อยประณีตเหมือน Game of thrones หรือ Breaking Bad คือจะดูออกอย่างชัดเจนว่าขาดๆเกินๆ
เช่น หลายครั้งในเรื่องจะมีตัวละคร ที่มีปมที่จะสร้างปัญหาให้กับหลายคน  แต่จู่ๆคนพวกนี้ก็จะถูกฆ่าทิ้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือหายสาบสูญ เพราะคนเขียนบทคิดไม่ออกว่า จะให้ทำยังไงต่อหลังจากเกิดปมขัดแย้งขึ้น(อันนี้ทางทีมงานยอมรับเองเลย) ในเรื่องจึงมีตัวละครที่ถูกกำจัดทิ้งให้คนดูงงเพียบ แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องดี เพราะคนที่ถูกกำจัดส่วนมากจะเป็นตัวละครที่มีบทบาทไม่น่าสนใจ และปมที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ทำให้เรื่องสนุกเลย

แต่ความไม่ประณีตของพล็อตย่อย ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เสียหายอะไร เพราะเนื้อหาหลักของเรื่องยังน่าสนุกน่าติดตามตลอด เรื่องนี้ชีวิตของตัวละครผกผันไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะพระเอก ไม่มีใครที่มีชีวิตหยุดอยู่กับที่ซักคนในเรื่องไวกิ้ง

จุดเด่นที่สาม คือ พระเอก แรคน่าร์ เป็นตัวละครที่มีบุคลิกและบทบาทที่มีมิติมาก แม้ช่วงแรกเขาจะมีมาดกวนๆ สามารถคิดแผนฉลาดล้ำลึกมาจัดการศัตรูได้ตลอด จนดูเหมือนจะเป็นพระเอกแบบเฝือๆเหมือนในภาพยนต์หลายเรื่อง ที่มักจะพลิกล็อคทุกอย่างด้วยกลยุทธ์วิจิตรพิสดารไม่มีใครคิดได้ (คล้ายกับการ์ตูนญี่ปุ่นช่วงหลัง ที่ชอบให้พระเอกท่าทางอ่อนแอแต่เก่งเรื่องการใช้สมองจัดการศัตรู)

โชคดีที่เรื่องนี้ คนเขียนบทออกแบบตัวละครเอกมาได้ดี แรคน่าร์เลยไม่ใช่ตัวละครที่มีคุณสมบัติเลิศหรูเหนือคนอื่นตลอดเวลา เขามีทั้งความโกรธเกลียด ความมัวเมา โรคซึมเศร้า ซึ่งมีสาเหตุจากสิ่งร้ายๆที่เขาเจอมาระหว่างดำเนินเรื่อง
แผนที่เขาคิดก็ใช่ว่าจะสำเร็จทุกครั้ง และบางทีก็เห็นแก่ตัวสุดๆ คาดเดาไม่ได้เลยว่าพระเอกของเราจะดีหรือจะร้ายตอนไหน จนรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่แค่ฟันเพืองหลักที่ทำให้เรื่องเดินเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงของทรงผมและรอยสักของแรคน่าร์ที่ดูเถื่อนขึ้นเรื่อยๆตามอายุ ก็เท่ดีอีกต่างหาก


จุดด้อย
ฉากบางฉาก ทำได้แย่ยิ่งกว่าหนังเกรดบี เช่น ฉากเล่าตำนาน Ragnarok ในซีซั่นแรก ฉากนี้ทีมงานพยายามทำให้การเล่าตำนานในห้องโถงดูไม่น่าเบื่อ แต่ไปๆมาๆ การแสดงประกอบตอนเล่าตำนานกลับทำออกมาได้เละเทะมากเหมือนการแสดงละครของเด็กประถม จนผมเกือบเลิกดูไปเลย แต่พอหลังจากนั้นก็ทำได้ออกมาน่าสนใจเหมือนเดิม

ฉากหนังเกรดบีอีกฉากคือฉากคนสู้กับหมีในซีซั่น4 ผมเข้าใจว่าผู้กำกับอยากให้ตัวละครตัวนี้ดูเก่ง เพราะสู้กับหมีได้ แต่ถ้าจะนำเสนอออกมาได้อนาถแบบนี้ สู้เขียนบทให้ตัวละครนั้นพุ่งใส่หมี แล้วตัดฉากสรุปผลการต่อสู้ไปเลยดีกว่า

สิ่งที่น่าสนใจคือ ตัวละครที่อยู่ในเรื่องนี้ ส่วนมากเป็นตัวละครที่อยู่ในประวัติศาสตร์จริง และการรู้ว่าพวกเขาจะทำวีรกรรมอะไรในประวัติศาตร์ ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเวลาเห็นตัวละครพวกนี้ด้วย (แต่ควรจะหาข้อมูลหลังจากดู Season 4 มากกว่า)
อันนี้คือรายชื่อของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริง ที่โยงกับเรื่องนี้ครับ
- Siege of Paris
- Duke of Normandy
- Great Heathen Army
และวีรกรรมอีกมากมายจากลูกของแรคน่าร์หลายคน

8/10 ครับ  ชอบบรรยากาศและฉากรบในเรื่องมาก

Wednesday, October 26, 2016

Van Helsing - Darkness Blood



รีวิว Van Helsing - Darkness Blood (สนพ SIC  3 เล่มจบ)

แม้เรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่เนื้อหามีแค่ 3 เล่มจบ แต่กลับสามารถจับจองพื้นที่ดีๆในความทรงจำของผมได้เลย
Van Helsing - Darkness Blood เป็นการ์ตูนตลก ที่คนเขียนเริ่มเล่นมุขใส่คนอ่านตั้งแต่หน้าปก ด้วยภาพของตัวเอกที่ดูเคร่งขรึม ทั้งที่จริงๆแล้วเรื่องนี้คือการ์ตูนตลกบ้าบอคอแตกภายใต้ลายเส้นที่ดูซีเรียสจริงจังต่างหาก

วิธีการนำเสนอทั้งเล่มเป็นการ์ตูนที่จบในตอน  เนื้อหาเกี่ยวกับตัวเอกที่เป็นนักล่าแวมไพร์และเหยื่อแต่ละรายของเขา อ่านพล็อตถึงตรงนี้แล้วอาจจะดูไม่มีปัญหาอะไร ก็เหมือนการ์ตูนแนวคนตามล่าสัตว์ประหลาดเรื่องอื่นๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างในเรื่องนี้ผิดเพี้ยนต่างไป คือการที่พระเอกไม่มีทักษะต่อสู้อะไรเลย แถมสติสตังก็ไม่ค่อยเต็มเต็งด้วย โชคดีที่เขายังมีความเจ้าเล่ห์ปะปนอยู่ในความเพี้ยนอยู่บ้าง และพกดวงมาเต็มกระเป๋า ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดมาได้(แบบงงๆ)ตลอด บางทีอาจต้องให้เครดิตอาวุธพิลึกๆที่สมองระดับเด็กประถมของเขาสร้างขึ้นมาต่อสู้แวมไพร์ด้วยก็ได้

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการ์ตูนตลก อาหารจานหลักของมันจึงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความฮาที่อยู่ในเรื่อง ซึ่งผมว่าส่วนนี้ทำได้ดีพอสมควร มุขที่อยู่ในเรื่องนี้ส่วนมากจะเป็นการล้อเลียนฉากต่างๆในการ์ตูนเรื่องอื่น เช่นฉากพูดเท่ๆที่ตัวละครในเรื่องอื่นมักจะเก็กก่อนพูดว่า 'ฮึ ชั้นทิ้งอดีตไปนานแล้ว' ก็จะถูกตัวเอกเรื่องนี้เอามาใช้อย่างไม่ถูกกาละเทศะ จนความเท่ของฉากพวกนี้ที่อยู่ในใจเราหายไปหมด หรือฉากคนใกล้ตายสั่งเสียที่สามารถเรียกน้ำตาจากคนอ่าน ก็จะถูกตัวเอกเรื่องนี้เอามาใช้แบบพร่ำเพรื่อจนไม่เหลือคุณค่าอะไรอีกเลย
ดังนั้น คนที่จะรู้สึกตลกกับมุขของเรื่องนี้ได้ ต้องเป็นคนที่อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมามากหน่อย เพื่อจะได้มีภาพฉากเท่ๆซึ้งๆ จากการ์ตูนพวกนั้นอยู่ในหัว แล้วค่อยมาดูว่ามันจะถูกปู้ยี้ปู้ยำยังไง
โชคดีที่มุขในเรื่องนี้ไม่ได้เน้นการอ้างอิงจากเอกลักษณ์ของการ์ตูนเรื่องดังๆอย่างกันดั้ม ดราก้อนบอล หรือ Initial D เหมือนที่การ์ตูนตลกมักจะทำกัน แต่จะใช้วิธีการอ้างอิงฉากเหตุการณ์ที่ใช้กันบ่อยๆในการ์ตูนทั่วไปแทน ดังนั้นคนอ่านจึงไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์กับการ์ตูนเรื่องใดเรื่องหนึ่งแบบเจาะจงเลย

ทางด้านประเด็นเรื่องความไหลลื่นในการอ่าน เรื่องนี้ค่อนข้างมีตัวหนังสือเยอะ เวลาอ่านอาจต้องตั้งใจหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเพ่งสมาธิอ่านแบบสุดๆถึงจะสนุกได้

ข้อดี
- ภาพสวย วาดบรรยากาศในโทนจริงจัง ขัดกับแนวของเรื่องได้ดี
- มุขฮาและล้อเลียนเนื้อหาการ์ตูนแบบกว้างๆ เลยเข้าใจง่ายกว่าการ์ตูนที่เน้นล้อเลียนการ์ตูนแบบเจาะจงเรื่องและเจาะจงฉาก จนกลายเป็นมุขวงในเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
- สาวๆในเรื่องก็วาดใช้ได้นะ
- สร้างตัวละครเอกได้โดดเด่นสุดๆ ทั้งเพี้ยนและมีอดีตที่น่าสนใจ ชวนให้คาดเดาว่าสมัยเด็กเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ตอนโตถึงได้กลายเป็นแบบนี้
- หน้าสุดท้ายที่เป็นบทสรุปของเรื่อง นึกไม่ถึงว่าจะทำออกมาดูตลกปนเหงาๆ

ข้อเสีย
- สั้นไปหน่อย อยากให้มีซัก5เล่ม  แต่ถ้ายาวกว่านี้ ก็อาจจะมีแต่มุขซ้ำๆจนทำให้ภาพรวมของเรื่องแย่ลงจนไม่ประทับใจเท่านี้ ก็ถือว่าจบได้พอดีๆเหมือนกัน

ให้ 7.5/10 ครับ  ไม่ใช่เรื่องระดับสุดยอด  แต่ชอบมุขและบรรยากาศทมึนๆในเรื่องมาก เป็นเรื่องที่มีเอกลักษณ์ในตัวสูงพอสมควร ยังไงก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ซื้อเก็บ
แต่คะแนนที่ผมให้การ์ตูนตลก อาจจะมีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วยต่างกันมากกว่าปรกติ  เพราะผมสังเกตุว่า ความชอบการ์ตูนตลกของแต่ละคนในอินเตอร์เน็ต คาดเดาได้ยากกว่าการ์ตูนแนวอื่นมาก
ดังนั้นถ้าจะซื้อมาอ่านเพราะรีวิวนี้ ก็ควรเอาเรื่องข้างบนมาบวกลบด้วยครับ